วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

(แปล) Jun.K's Interview จาก The Star Mag ฉบับเดือนมิถุนายน 2014

จริงๆนิตยสารนี้ออกมานานมากแล้ว (ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว) แต่จัดห้องเจอเลยเอามาฝึกภาษาค่ะ^^


==========================================================================


ยินดีกับอันดับ 1 ของ ออริคอนชาร์ตด้วย รู้สึกยังไงบ้าง

นี่เป็นอัลบั้มโซโล่แรกหลังจากเข้าบริษัทนี้มา 12 ปีครับ ผมพยายามอย่างหนักมาก ผมคิดว่าเป็นเพราะผมทำงานหนักในฐานะ 2PM ด้วยถึงได้รับผลประสบความสำเร็จเช่นนี้ Timing ดีมากเลยครับ

เหล่าเมมเบอร์หรือคนรอบๆตัวพูดว่ายังไงบ้าง

เมมเบอร์ทุกคนยินดีกับผมและดีใจเหมือนเป็นงานของพวกเขาเองเลยครับ ผมได้ยินข่าวขึ้นอันดับ 1 ปั๊บก็โทรศัพท์บอกข่าวคุณแม่ทันทีครับ คุณแม่บอกว่าจ่ายตลาดอยู่ ร้องไห้เลย ผมเองก็ร้องไห้เหมือนกันครับ รู้สึกอะไรมันต่างไป โซนี่แจแปนเป็นคนประสานงานให้ครับ ออริคอนติดต่อมาที่โซนี่แจแปนครับ แจ้งว่าในบรรดาอัลบั้มที่ออกมาในปีนี้ ผมเป็น Number One พอผมได้รับฟังข้อความเหล่านั้นก็รู้สึกดีมากเลยครับ เพราะว่าทำงานหนักไม่มีพักตั้งแต่เดือนธันวาคมของปีที่แล้วเลยล่ะครับ ผมเตรียมตัวมาอย่างหนัก พอผลออกมาดีแบบนี้ อยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือและแสดงความยินดีจากใจจริงครับ สัปดาห์หน้าก็จะมีคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น เห็นว่าพี่จินยองจะมาด้วย ตกใจมากครับ

เราดูมิวสิควิดีโอ Love & Hate แล้วดูเหมือนว่าจุนเคจะเอาใจใส่กับมันมาก สีสันก็ดี พาร์ทแร็พก็สนุก ได้ข่าวว่าเสนอไอเดียอย่างละเอียดไปเยอะเลยใช่ไหม

ผมใส่ใจกับมิวสิควิดีโอมากเลยครับ เสื้อผ้าก็ด้วย คอนเสปการแสดง พื้นหลังมิวสิควีดีโอ แม้กระทั่งมุมกล้อง ถ้าผมหันไปแบบนี้ให้ช่วยซูมออกไปด้วย, เผย Op Art สำหรับตัดต่อร่างกายผมกับพื้นหลัง, ผมจะเดินแบบไหนบ้าง เขียนดีเทลละเอียดแบบนี้และส่งไปให้ผู้กำกับมิวสิควิดีโอเลยครับ (หัวเราะ) ทำงานกับผมทุกคนคงเหนื่อยตั้งแต่ผู้กำกับยันสต้าฟเลยครับ ตอนอัดเสียงก็เหมือนกันครับ นักร้องทั่วไป อัดเสียงจบก็ไป, แต่เพราะผมได้รับมอบหมายเป็นผู้แต่งเพลงและเป็นเอ็นจิเนียร์ด้วย เลยต้องอยู่ต่อเพื่อมิกซ์และตัดต่อเสียงครับ แต่ในการทำงานกับอัลบั้มครั้งนี้ ในวันนึงมีคนเข้าร่วมช่วยกันตัดต่อเสียงประมาณสองสามคนครับ พี่เอ็นจิเนียร์คนนึง คงจะเหนื่อยมาก เขาพูดกับผมว่า “นายนี่ทำเพลงอย่างเหนื่อยเลยนะ” ฮ่ะๆ ผมเป็นพวก Perfectionism มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ แต่ในครั้งนี้แม้แต่ผมเองก็คิดว่าเป็นเอามากเหมือนกันครับ เพราะผมคิดว่าถ้าผมไม่รู้อะไรตั้งแต่แรกจนจบคงจะไม่ได้น่ะครับ เป็นงี้ตั้งแต่ครั้งแรกครับ ถึงผมจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ขอโทษทุกคนที่ทำให้เหนื่อยด้วยครับ

แต่ก็เพราะผ่านขั้นตอนเหล่านั้นมา ผลถึงได้ออกมาดีใช่ไหมล่ะ ในการเตรียมอัลบั้มนี้ ได้รับคำแนะนำจากนักดนตรี R&B ระดับโลกอย่าง Jeff Bernet ด้วยนี่ เขาว่าอย่างไรบ้าง

ยิ่งไปกว่าการได้รับคำแนะนำ คุณ Jeff Bernet ปฏิบัติกับผมเสมือนเพื่อน ผมบอกเขาไปว่าจะมีโซโล่อัลบั้มในเร็วๆนี้ เขาถามผมว่าลองมาร่วมงานด้วยกันไหมครับ ในความเป็นจริงแล้ว ผมได้รับ Track จากฝั่งนั้นด้วย แต่ว่าในครั้งนี้เป็นอัลบั้มญี่ปุ่น การทำงานค่อนข้างจะใช้เวลานานมาก ผมเลยบอกไปว่าไว้ร่วมงานกันในโอกาสหน้าจะดีกว่าครับ

ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างมีคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นอยู่ใช่ไหม การที่ต้องเติมเต็มเวทีการแสดงด้วยตัวคนเดียว ตื่นเต้นหรือประหม่ากันล่ะ

ทั้งตื่นเต้นและประหม่าครับ ก่อนอื่นเลย ถ้าเล่นคอนเสิร์ต เป็น 2PM หกคนแสดงด้วยกันก็เหนื่อยเหมือนกันครับ อย่างไรก็ตามถ้าแสดงคนเดียว ในส่วนของร่างกายจะเหนื่อยหนักกว่าเดิมใช่ไหมล่ะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยู่ด้วยกัน เวลาผมเหนื่อย จะดื่มน้ำ เมมเบอร์คนอื่นๆก็จะดึงความสนใจจากสายตาผู้ชมไปให้ แต่ว่าพอเล่นคอนเสิร์ตคนเดียวมันทำแบบนั้นไม่ได้ไงครับ การกระทำทุกอย่างต้องใส่ใจครับ ในส่วนที่ดีก็คือ ผมได้ร้องเพลงเกือบยี่สิบเพลง ทั้งหมดเป็นเพลงที่ผมแต่งเนื้อร้องและทำนองเอง เพราะอย่างงั้นจึงมีความหมายลึกซึ้งกับผมมากครับ ดนตรีที่ผมชอบ ดนตรีที่ผมตั้งใจจะทำ ทั้งหมดถูกรวบรวมและโชว์ให้แฟนๆได้สัมผัส นั่นเป็นสิ่งที่ดีครับ

เราได้ดูแฟนแคมที่แฟนๆอัพโหลดขึ้นมา ไม่มีที่นั่งว่างในคอนเสิร์ตเลย คิดว่าสเน่ห์ของจุนเคคืออะไร

สเน่ห์ของผมเหรอครับ? อืม... อาจจะเพราะผมมีกิจกรรมที่ญี่ปุ่นเยอะมั้งครับ ในเกาหลีการออกทีวีจะทำให้โปรโมทอัลบั้มใหม่ได้ดีกว่าคอนเสิร์ต แต่ที่ญี่ปุ่นวัฒนธรรมในการชมการแสดงพัฒนาไปเยอะ ผู้คนเลยมาชมการแสดงเยอะครับ พอมาชมการแสดงก็กลายเป็นแฟนคลับ ผมเนี่ยเป็นคนที่คิดว่าดีเทลคือจุดสำคัญ โดยเฉพาะการแสดงโซโล่ผมโปรดิวซ์เองตั้งแต่แรกจนจบ ตอนที่แต่งเพลงผมก็วาดภาพการแสดงไว้ด้วยครับ เพราะทำแบบนี้ก็เลยได้การยอมรับจากผู้ชมมั้งครับ ให้พูดกันตามตรงหน้าตาผมไม่ได้พิเศษอะไรเท่าไหร่ (หัวเราะ) การได้รับการยอมรับในด้านดนตรีถือว่าดีครับ

เราได้อ่านบทสัมภาษณ์ที่ว่า ตอนตัดสินใจเดบิ้วที่ญี่ปุ่น “เพื่อที่จะทราบถึงดนตรีที่ชาวญี่ปุ่นชอบ ได้เข้าไปฟังเพลงที่ติด Top 5 ออริคอนชาร์ททั้งหมด ตั้งแต่ปี 1990” ในความเป็นจริงแล้วมันช่วยอะไรไหม

ตั้งแต่ไปญี่ปุ่นครั้งแรก ผมก็ใช้วิธีนั้นฟังเพลงมาเยอะมากเลยครับ ผู้คนเวลาเข้าไปฟังเพลงตามเว็ปสตรีมหรือในอินเตอร์เนต ถ้าเพลงที่อยู่ติดอันดับสูงๆจะชอบลองเข้าไปฟังว่าเพราะไหมไม่ใช่เหรอครับ ผมอยากสัมผัสรายละเอียดของเพลงครับ เหล่าชาวญี่ปุ่นชอบค้นหาเพลงแบบไหน ก็ค้นหาไปเยอะเหมือนกันครับ

ไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าความขยันแบบนี้เป็นสเน่ห์อย่างนึงของจุนเค

ผมไม่ได้ขยันนะครับ แค่ชอบทำอะไรแบบนี้ แน่นอนว่าถ้า dead line ส่งงานใกล้เข้ามา มันก็คงจะมีเรื่องของการบังคับทัศนคติเพื่อรักษาเวลาอยู่บ้าง แต่ผมพยายามที่จะสนุกไปกับมันด้วยครับ ถึงแม้จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่มันก็มีช่วงเวลาที่เหมือนทำงานจริงๆจังๆอยู่เหมือนกันครับ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ที่บ้าน, ที่ห้องทำงาน, หรือที่ห้องทำงานที่บ้าน หลับไปพักนึงก็ตื่นมาทำงานต่อ ใช้ชีวิตซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้นประมาณห้าเดือนได้ครับ ทรมาณนะครับ มีเรื่องไม่ลงรอยกันด้วย

เรื่องไม่ลงรอยกันแบบไหนเหรอ

ตอนสร้างเพลงต้องคำนึงถึงมวลชนด้วยใช่ไหมครับ ต้องให้เพลงติดหูมวลชน ก็ต้องใส่ใจในเมโลดี้, ถึงแม้จะเป็นอย่างงั้น แต่ก็ต้องใส่ความเป็นตัวเองลงไปด้วย ดังนั้น ผมค่อนข้างที่จะพยายามอย่างมากที่จะใส่ความเป็นตัวเองของผมลงไปในเพลงครับ ในอัลบั้มนี้ผมทำงานร่วมกับซุปเปอร์ชางไต และ ทีม 143Bolt ครับ เวลาที่ผมเสนอไอเดียไป ก็มีบ้างที่ฮยองเค้าไม่วาดภาพตามผมครับ ถ้าเป็นอย่างงั้นผมก็จะคอยเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวใจเค้าให้ตามใจผมไปจนได้ครับ ในครั้งนี้ฮยองบอกผมไว้ว่า ตอนแรกตัวเขาเองคิดว่ามันไม่เวิร์ค แต่ในสุดท้ายแล้วก็ได้ผลงานที่พิเศษออกมา. ทุกคนคงลำบากมากนะครับ อย่างไรก็ตามเพราะเหล่าฮยองรับฟังเพลงของผม ทำให้พวกเขารับรู้ถึงความพยายามของผมครับ โดยเฉพาะการได้รับคำชมจากเหล่าฮยอง พวกเขามีพาร์ทที่
อยากลองทำแต่ทำไม่ได้ เขาพูดว่าผมทำมันได้ พอเขาพูดแบบนี้แล้วผมดีใจมากครับ

ได้ข่าวว่าได้รับบทบาทสำคัญในอัลบั้ม 2PM ที่กำลังเตรียมอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ

เป็นเหมือนฝันนะครับ จะมีเพลงที่ผมสร้างขึ้นเองด้วยในอัลบั้ม และกำลังได้รับหน้าที่โปรดิวซ์อยู่ด้วย ระหว่างที่ผมมอนิเตอร์เพลงที่สร้างขึ้นมา อยู่ทำงานจนถึงวัน dead line ตอนหกโมงเช้า ตอนนั้นทำงานอยู่แล้วตั้งใจว่าจะกลับบ้าน อยู่ๆก็มีไอเดียปิ๊งขึ้นมาว่า “ถ้า 2PM คัมแบคด้วยเพลงแบบนี้จะเป็นยังไงนะ” ก็ลังเลว่าจะกลับบ้านหรือไม่ดี สุดท้ายผมก็สร้างเพลงตั้งแต่ตอนหกโมงเช้ายันบ่ายโมงครับ ในวันนั้นทุกคนจะรวมตัวกันเพื่อมอนิเตอร์เพลงสำหรับการเลือกเพลงไตเติ้ลกันครับ พี่จินยองเองก็เตรียมเพลงมาประมาณ 3 เพลงครับ ฟังทั้งเพลงของพี่จินยองและเพลงของผม เหล่าสต้าฟประมาณ 30-40 คนต่างก็เห็นพ้องว่าเพลงของผมดี และอยากให้ใช้เพลงนี้ออกมากันครับ ณ โมเม้นนั้นผมเห็นสีหน้าของพี่จินยองครับ (ยิ้ม) พี่จินยองพูดว่าลองฟังอีกครั้งนึงสิ ลองฟังอีกครั้งนึง ต้องขอโทษฮยองด้วยครับ ฮ่ะๆ เพราะบริษัทของเราเคยใช้เพลงของนักแต่งเพลงคนอื่นเป็นเพลงไตเติ้ลอยู่ก็จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เพลงของศิลปินจะเป็นเพลงไตเติ้ล พี่เขาชมว่าทำดีมากครับ

พอมาเป็นโปรดิวเซอร์ต้องมีคำที่บอกกับเมมเบอร์ด้วยแน่เลย เป็นยังไงบ้าง

ผมคิดว่า Energy เป็นสิ่งสำคัญครับ เวลาเราเจอใคร แล้วคนที่อยู่ด้วยกันมี Energy ที่ดี เราก็พลอยจะมีสภาพที่ดีไปด้วยใช่ไหมครับ จริงๆแล้วผมค่อนข้างจะเป็นพวกพลังอ่อน (คนแปล – แก่แล้วก็บอกว่า) (หัวเราะ) อย่างไรก็ตามตอนอัดเสียงอัลบั้มนี้รู้สึกแบบนี้ครับ แต่ละคนฝึกซ้อมกันมาอย่างดีก็จริง เพราะว่าทำไปด้วยความสนุกสนาน จึงทำให้มีโทนแบบอื่นออกมาด้วย ตกใจเลยครับ คิดได้เลยว่า “เอาจริงๆการให้พลังที่ดีแก่กันเป็นสิ่งสำคัญแฮะ ไม่ใช่แค่เราให้พลังกับใคร แต่พอได้รับพลังจากใครก็ทำให้ทำงานออกมาได้อย่างอารมณ์ดีด้วยนะเนี่ย”

พอพูดถึงพลังก็ต้อง 2PM สิ เมื่อไม่นานมานี้ SBS Running Man ตอนการแข่งขันกีฬาไอดอล ก็ได้เห็นภาพลักษณ์ของไอดอลสัตว์ป่าแบบ 2PM ด้วย

ผมนึกว่าจะตายระหว่างการถ่ายทำแล้วครับ ไม่สามารถเอาชนะรุ่นพี่คิมจงกุกได้เลย

ยังไงก็ตาม Feedback ออกมาดี “ยังคงเป็นไอดอลสัตว์ป่าอยู่นะเนี่ย” ฟีดแบ็คประมาณนั้น ฉันเองดูไปก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เดบิ้วมา 7 ปีแล้ว ยังคงได้รับฉายา “ไอดอลสัตว์ป่า” อยู่ ถือเป็นความหมายที่ดีไหม

ก่อนอื่นคำว่าไอดอลสัตว์ป่าเป็นเหมือนคำขยายของการเรียก 2PM ต้องขอบคุณนะครับ การที่ผู้คนจดจำมันได้เป็นการดีแต่ผมคิดว่าเราควรอัพเกรดเผยด้านใหม่ๆด้วยครับ อา ถึงจะพูดอย่างงั้นไม่ใช่ว่าเราอยากหนีจากภาพลักษณ์ไอดอลสัตว์ป่านะครับ ผมคิดว่าภาพลักษณ์ไอดอลสัตว์ป่าเป็นอิมเมจภายนอก นอกเหนือจากอิมเมจภายนอก เมื่อเวลาผ่านไปเราควรพยายามให้ผู้คนได้สัมผัสภาพลักษณ์ภายในของเมมเบอร์แต่ละคนว่าเป็นแบบไหนกันบ้างด้วยครับ ซึ่งสิ่งนั้นก็สามารถเผยได้ทั้งตอนที่เมมเบอร์แต่ละคนได้รับโอกาสที่ดี และก็เช่นกันกับการทำกิจกรรมในฐานะ 2PM ด้วยครับ เฉพาะฉะนั้น ต้องขยันทำกิจกรรมในเกาหลีและ ได้สัญญากับเหล่าน้องๆไว้แล้วว่าเราจะขยันทำงานหนักกันครับ ในอนาคตเมื่อ 2PM อายุมากขึ้นจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันครับ

คิดว่าในฐานะพี่ใหญ่สุด เมมเบอร์แต่ละคนสามารถโชว์ให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของตัวเองก็จริง ต้องมีอะไรที่ควรโชว์อีกไหม

ผมคิดว่า โอกาสใหญ่ที่จะทำให้เมมเบอร์แต่ละคนได้เผยทักษะ “ทั้งหมด” นั้นยังไม่มีครับ แต่ว่า บางคนก็ได้โชว์อะไรหลายๆอย่างลงไปในภาพยนต์, ละคร, รายการวาไรตี้ครับ แน่นอนว่าการทำกิจกรรมในฐานะเมมเบอร์ของ 2PM ทำให้มีผลกระทบที่ดีค่อนข้างมาก แต่ว่ามวลชนก็จะสามารถรู้สึกได้ว่า “อา เมมเบอร์คนนี้มีทักษะแบบนี้ มีภาพลักษณ์แบบนี้หรือเนี่ย” เมมเบอร์แต่ละคนก็ควรจะเผยทักษะของตัวเองให้มากกว่านี้ ใช่ไหมครับ?

แต่ว่า ถ้าเอาเหมือนที่พูดตอนนี้ ก็ต้องขยันทำกิจกรรม งั้นทำทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่มคงจะทำให้ไม่มีเวลาพักเลยนะ

จริงๆแล้ว ผมไม่พักเลยก็ได้นะครับ พวกเด็กๆ ชอบกังวล “ฮยอง ไม่พักเลยแล้วจะทำอีกได้ไง” ครับ ผมคือคนที่เริ่มพูดก่อนว่าเรามาทำกิจกรรมในเกาหลีเยอะๆกันเถอะ ในฐานะฮยองผมก็ต้องเป็นแบบอย่างไม่ใช่เหรอครับ (หัวเราะ) เพราะผมคิดว่าการปล่อยอัลบั้มในเกาหลีเป็นเรื่องสำคัญครับ

ถ้ามีเวลาได้หยุดพัก อยากทำอะไร

ผมคิดแบบนี้ครับ เมื่อก่อนผมชอบพูดว่าถ้ามีเวลาได้หยุดพักผมอยากจะไปเที่ยวที่สวิสครับ แต่ตอนนี้มันต่างออกไปครับ งานแต่งเพลงเป็นงานที่ความรู้สึกและอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญครับ จริงอยู่ว่าไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใด หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ต้องได้รับการกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก เพราะอย่างงั้นการพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ช่วงนี้ผมมักคิดว่า แม้ในช่วงเวลาพัก ก็ต้องทำงานที่ต้องทำ ต้องขยัน ต้องทำงานหนักครับ ดังนั้นถ้าหากว่าผมได้มีเวลาหยุดพักจริงๆก็อยากใช้เวลากับครอบครัวครับ ผมไม่ได้เจอแม่กับน้องชายแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เดือนมกราคมแล้วครับ (สัมภาษณ์เดือนพฤษภาคม หนังสือออกเดือนมิถุนายน) ก่อนอื่นก็เจอกับครอบครัวก่อน นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรที่อยากทำเป็นพิเศษแล้วครับ

ไม่มีแฟนหน่อยเหรอ?

ไม่ครับ ไม่จีบใครครับ ฮ่าๆ

“ไม่จีบใครครับ” มันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้หรอกนะ หรือว่า ณ ตอนนี้งานสำคัญกว่าความรักก็เลยยังไม่คิดจะมีใครจริงๆงั้นเหรอ

อืม อ่า. ไม่รู้สิครับ ไม่มีเวลาไปเจอใครครับ ทุกครั้งที่เจอใคร ก็แค่เจอ และคนเหล่านั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจคนในวงการบันเทิงด้วยครับ (คนแปล – ติ่งเข้าใจนะ มาคบกับติ่งจิ ฮิๆๆๆๆ)

มีประสบการณ์ที่รักใครสักคนแล้วก็สามารถเกลียดเขาได้เหมือนกับชื่อเพลง Love & Hate หรือเปล่า

มีสิครับ^^

แทคยอน นิชคุณ จนกระทั่งอูยอง ได้แต่งงาน(หลอกๆ) ไม่อิจฉาเหรอ

อืม ผมไม่เคยคิดจริงจังเรื่องนี้นะครับ

สมมติว่าจุนเคได้ถ่ายทำรายการนี้ อยากถ่ายทำกับใคร คุณเคยพูดนี่ว่าอยากเล่นวีก๊อตแมรี่กับคุณคิมมินจอง ยังคงเป็นเธออยู่หรือเปล่า

ผมยังไม่เคยเจอคิมมินจองนูน่าเลยสักครั้งครับ แต่ว่า การแสดงของคิมมินจองนูน่าสมัยที่เธอยังเด็กก็เป็นสเป็คของผมครับ แฟนๆก็รู้กันหมดนะครับ (คนแปล – ทำไมเราไม่รู้ล่ะ) ถ้าได้ถ่ายทำกันจริงๆ ผมคงจะนั่งจ้องคิมมินจองนูน่าอยู่เฉยๆอ่ะครับ คงพูดอะไรไม่ออก ฮ่าๆ

คุณพูดมาตลอดว่าสเป็คของคุณคือผู้หญิงที่ไม่โกหกและยิ้มง่าย ถ้าอย่างงั้นคุณเองเวลาจีบใครก็เป็นพวกพูดตรงๆใช่ไหม

เวลาจีบใครก็ต้องตรงไปตรงมาสิครับ ถึงจะอย่างงั้นมันก็ต้องมีฝ่ายตรงข้าม(ให้จีบ)ใช่ไหมละครับ ตอนนี้ก็ ไม่มีอ่ะครับ จริงๆ

น่าสงสารจัง ถ้างั้นตอนนี้หลงไปกับอะไรอยู่ล่ะ

ช่วงนี้ผมชอบการเป็น DJ ครับ อืม.. ไม่ใช่ดีเจ แต่เป็นการ Remix? ประมาณนั้นครับ จริงๆก็หลงการรีมิกซ์ตั้งแต่ตอนเดบิ้วใหม่ๆแล้วนะครับ แต่พอได้เครื่องมือใหม่ๆมาก็หลงอีกรอบนึง เวลาเล่นคอนเสิร์ตแล้วไปทำเพลงแบบดีเจก็สนุกมากเลยครับ ถ้าหลงไปแล้วก็จะเป็นแบบนั้นใช่ไหมครับ ถ้ามีเพลงใหม่ออกมาก็ฟังและ การใช้ชีวิตของผมเกี่ยวข้องกับดนตรีหมดแหละครับ มันก็ตลกดีนะครับ เวลาเจอผู้คนแล้วคุยกับพวกเขา ก็จะเป็นการพูดคุยเรื่องดนตรีไปซะหมดครับ

ไอดอล, นักแสดงละครเวที, Singer Songwriter, พี่ใหญ่แทกู ต่างก็เป็นคำเรียกของจุนเคทั้งนั้น ในอนาคตจะมีคำเรียกแบบไหนออกมาอีกบ้างนะ

ก่อนอื่น ผมเปลี่ยนชื่อใช่ไหมครับ ตอนแรกตัวผมเองก็คัดค้าน แต่เพราะคุณพ่อก็เลยเปลี่ยนชื่อครับ ผู้คนไม่รู้ว่าทำไมผมเปลี่ยนชื่อเป็นมินจุนแล้ว แต่ใช้ชื่อในวงการว่าจุนเคครับ เพราะว่าผมใช้ชื่อจุนเคในการแต่งเพลง เพื่อให้แฟนๆไม่รู้สึกแปลกเลยใช้ชื่อจุนเคในการทำกิจกรรมไปด้วยเลยครับ อย่างไรก็ตาม พออ่านข่าวเกี่ยวกับผมแล้ว ก็ยังมีคอมเม้นถามว่าทำไมผมถึงเปลี่ยนชื่อเยอะมากเลยครับ ผมถ้าพูดตรงๆแล้วรู้สึกเสียใจเวลาเห็นอะไรแบบนั้นครับ เพราะผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องให้ผู้คนสนใจคนที่ชื่อจุนเคมากกว่านี้ ว่าเป็นคนยังไง เป็นคนที่ทำเพลงแบบไหน ต้องทำงานหนักให้มากกว่านี้ครับ มากกว่าการได้รับฉายา เวลาพูดถึงจุนเค “ออ คนนี้เค้าทำเพลงสไตล์แบบนี้แหละ” ต้องให้ผู้คนรู้สึกแบบนี้ให้ได้ครับ ในแง่ของปัจจุบัน ก็คงจะเป็นสิ่งนี้ก่อนครับ

ถ้าอย่างงั้น “ในแง่ของปัจจุบันนี้” ถ้าให้ลองมองดูจุนเคอายุ 27ปี และลองให้คะแนนตัวเอง ในแง่ของการทำงานและการใช้ชีวิตเท่าๆกัน ให้คะแนนเท่าไหร่ดี 10เต็ม10ไหม

เหมือนว่าจะให้แค่ 5 จาก 10 คะแนนนะครับ ก่อนอื่น ผมรู้สึกว่า การใช้ชีวิตเข้าสังคมนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่แค่การขยันทำอย่างเดียว เป็นความคิดที่คิดบ่อยช่วงนี้ครับ ลองคิดดูแล้วผมเตรียมอัลบั้มของ 2PM ในครั้งนี้ก็จริง แต่ขยันทำงานแค่ในส่วนของดนตรีเท่านั้นครับ เพราะคิดว่าถ้าขยันแบบนี้ต่อไปเขาจะรู้ว่าผมเป็นใคร แต่มันไม่ใช่อย่างงั้นน่ะสิครับ ขยันอย่างเดียวมันไม่ได้หรอกครับ จำเป็นที่จะต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่ทำงานด้วยกัน จำเป็นที่จะต้องสื่อสารเกี่ยวกับสิ่งที่อยากจะทำให้ชัดเจนกว่านี้ครับ ในความเป็นจริงแล้ว อัลบั้มโซโล่ที่ญี่ปุ่นนี่ก็เหมือนกันครับ เพราะผมโชว์ภาพลักษณ์และทำงานหนักในคอนเสิร์ตทำให้ฝั่งญี่ปุ่นตัดสินใจว่า ออกอัลบั้มเดี่ยวกันเถอะ, ไม่ใช่เพราะว่าผมบอกเขาว่า “ผมอยากมีอัลบั้มเดี่ยว” น่ะครับ  เหล่าพนักงานที่บริษัทหรือคนที่ทำดนตรีกว่าจะได้รับการยอมรับจากพวกเขา ผมแค่หวังให้เขาคิดถึงดนตรีของผมมาตลอด 6 ปี แค่ขยันทำมาตลอดก็เท่านั้นเอง

KOR-TH Trans by _sowon211
ที่มา The Star Magazine June 2014
หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น