วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557

ตะลุย อิน พูซาน (ตอนที่ 2) ลุยเดี่ยวเซอร์ไวเวอร์เมืองพูซาน

อย่างที่บอกว่า ในการไปพูซานครั้งแรกของส้มนั้น ส้มไปคนเดียวข่าาาาา ต่อให้ตรูเรียนภาษาเกาหลีมาแล้วปีนึง ตรูก็สั่นๆอยู่นะฮะ เพราะว่าพูซานเนี่ย เค้ามี 사투리 แนวๆภาษาถิ่นอ่ะ ก็กลัวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง อีกอย่างที่กังวลคือเราไม่ได้วางแผนเที่ยวเลย ฮ่าๆๆ คือไปตายเอาดาบหน้าเลยจ้ะ... เราพกหนังสือ "เกาหลีตะลอนเที่ยวเล่มเดียวเอาอยู่" ไปด้วย ประกอบกับหาข้อมูลจากเว็ปองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี(เว็ปภาษาอังกฤษ)ไปด้วยนะ เที่ยวไปเสิร์ชไปอะไรแบบนี้

ก่อนที่จะเล่าเรื่องพูซาน เราเล่าอะไรส่วนตัวหน่อย คือเราอ่ะ ไปเรียนที่เกาหลี เราก็งมๆงกๆอยู่แต่ในเมืองโซลและก็แถวๆมหาวิทยาลัยที่เราเรียนนั่นแหละ แต่ครอบครัวเราและเพื่อนๆอีกหลายคนคิดว่าเรารู้ทุกอย่างในเกาหลี อยากจะบอกว่า ไม่ใช่นะฮ๊าฟฟฟ บางครั้งถามอะไรมาก็ยินดีจะช่วยค้นหาให้นะ บางครั้งถ้าใครมาถามเราเรื่องการเดินทางหรือท่องเที่ยวแล้วเราไม่รู้ เราจะเข้าไปที่http://korean.visitkorea.or.kr/kor/inut/addOn/main/publish/index.jsp แล้วแคปให้เพื่อนๆที่ถามมาเอา คือเว็ปนี้แม่งมีทุกอย่างจริงๆ มีภาษาอังกฤษด้วย สำหรับคนที่จะไปเที่ยวลองเข้ามาเสิร์ชข้อมูลในเว็ปนี้ก่อนเน้อ ถ้าหากหาไม่เจอแล้วอยากให้เราช่วยยังไง เดี๋ยวเราเสิร์ชข้อมูลเพิ่มเติมให้นะแจ๊ะ

อ่ะจบ ทีนี้ พอถึงสถานีพูซานแล้วไปไหนต่อดีหว่า เลยเปิดหนังสือนำเที่ยวที่พกมาด้วย แล้วคิดว่าไปที่ใกล้ๆกับสถานีพูซานก่อนละกัน ซึ่งก็มีหอคอยพูซานที่อยู่ไม่ห่างกันนี้เอง จากสถานีพูซาน เรานั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีนัมโพ (Nampo) โดยเดินออกทางออกที่ 1 พอออกมาแล้วมองย้อนไปทางขวามือมันจะมีซอยเล็กๆ ให้เดินเข้าไปซอยนั้นเดินให้ทะลุถนน Gwangbok-ro Shopping Street  พอเจอถนนแล้วเดินไปทางซ้ายมือเดินไปเรื่อยๆมองขวามือเข้าไว้คุณจะเจอบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปหอคอยพูซาน และสวนยงดูซานค่ะ
 
ระหว่างทางที่ึขึ้นไปยังสวนและหอคอยนั้นเจอวัดเล็กๆ เล็กมากๆๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ทางซ้ายมือ เลยแวะถ่ายรูปและไหว้สักการะ(ไหว้มือเปล่า) นิดหน่อย ก่อนจะขึ้นบันไดเลื่อนต่อไป อิอิ อากาศที่พูซานเดือนสิงหาคมนั้นไม่ต่างจากเมืองไทยเลยแม้แต่น้อย 32 องศาขำๆ ในเวลาสิบโมงเช้า ร้อนแสรดค่ะ
 
และแล้วก็ขึ้นมาถึงฐานของหอคอยและก็สวนค่ะ เราจะบอกว่าจริงๆแล้ว ณ ที่แห่งนี้... มันไม่มีอะไรเลยยยยยย ไม่ได้สวยเลยจริงๆ เมื่อเทียบกับโซลทาวเวอร์คือมันธรรมดามากถึงมากที่สุด ดังนั้นใครชอบอะไรหวือหวาจะไม่มาก็ได้นะคะ แต่เราชอบชมวิวจากมุมสูงค่ะ ธรรมดายังไงเราก็จะไป โฮะๆ จริงๆมาแล้ว แวะมาสักหน่อยก็ไม่เสียหายหรอกค่ะ ยืนชมวิวปลดปล่อยอารมณ์เรื่อยเปื่อย พักผ่อนใจ ก็สบายไปอีกแบบนะคะ อาจุมม่า อาจอชี่ตื่นเช้ามาออกกำลังกายที่นี่กันเยอะแยะเลย ค่าเข้าหอคอย 4000 วอน คิดเป็นเงินไทย 120บาท ถ้ามันถูกแบบนี้ขึ้นๆมันไปเหอะค่ะ 555 ตรงฐานหอคอยก็เหมือนที่โซลเลยคือมีคู่รักมาห้อยกุญแจคู่รักกันเพี๊ยบ อยากจะตัดทิ้งแมร่งซะให้หมด โฮะๆ อากาศร้อนมากๆ เราจะตายอยู่แล้วตอนนั้นเพราะพูซานไม่มีลมเลย ฟ้าสว่าง เมฆก็ไม่ช่วยอะไร พอเข้าหอคอยเจอแอร์ได้แทบสลบแหนะ มาชมเมืองพูซานจากหอคอยพูซานกันเหอะค่ะ
 
 
 
ก็สวยๆดีนะคะ นักท่องเที่ยวจีนเยอะมาก เรายืนถ่ายอยู่ไม่เท่าไหร่ รำคาญเลยเดินลงมาค่ะ ประกอบกับหิวแล้วเลยว่าจะไปหาอะไรกินที่ตลาดปลา เพราะตลาดปลาอยู่ห่างจากที่นี่ไปแค่สถานีเดียว ถ้าเดินก็เดินได้อ่ะค่ะ ตอนเดินลงมาที่สวนจะมีป้าๆลุงๆรับจ้างถ่ายรูป เราพยายามไม่คุยด้วยกลัวตกเป็นเหยื่อ แต่มีคุณลุงน่ารักคนนึงเห็นเราพยายามอ่านภาษาเกาหลีที่ป้ายเค้าเลยเดินมาคุยและถ่ายรูปให้เราไม่คิดตังค์ (ไม่ได้ถ่ายจากกล้องลุงนะคะกล้องเราเนี่ยแหละ แต่ประทับใจตรงเค้าไม่ยัดเยียดให้เราถ่ายกะเค้าเพื่อเอาเงินอ่ะ) จริงๆอยากสนับสนุนลุงมาก แต่หนูหิวจะตายแล้ว ณ โมเม้นนั้นสิบโมงกว่า หนูควรจะไปหาอะไรกินได้แล้วล่ะ (มื้อเช้าจัดมาแค่นมกล้วยถ้วยเดียวเอง) จากหอคอยพูซานถ้าเดินลงมาที่ Shopping Street หันหลังให้บันไดเลื่อนแล้วเดินไปทางขวาเรื่อยๆจะเจอ PIFF SQUARE ซึ่งที่นั่นพอตกกลางคืนจะเป็นตลาดของกินที่น่าเดินเที่ยวมากๆเลยล่ะค่ะ (ร้านโฮต๊อกที่เราบอกว่าอร่อยๆชื่ออาจอช่โฮต๊อก นัมโพดงก็อยู่ที่นี่แหละค่ะ ถ้าใครไม่รู้จักร้านโฮต๊อกกรุณาเปิดไปอ่านบล๊อคหมู่บ้านคัมชอนค่ะ) แต่ด้วยความที่เราเด๋อด๋ามาก เราหลงทางค่ะ ไม่หลงไม่ใช่กรูจริงๆ แทนที่จะเดินไปทางตลาดปลา ดันเดินไปทางตลาดขายของชำ 55555555 หิวก็หิว ร้อนก็ร้อน กว่าจะรู้ตัวว่าหลงก็เกือบเที่ยงแล้ว เดินกลับมาฝั่งถนนใหญ่ ข้ามถนนไปก็จะเจอตลาดปลา Jagalchi Market ค่ะ 
 
ด้วยความที่เราน่ะ ไม่รู้เรื่องเลย ว่ากินร้านไหนยังไงถึงจะอร่อย ถึงจะดี ประกอบกับกรูหิวแล้วไม่ไหวแล้ว เราเลยเดินตรงดิ่งไปยังตึกตลาดปลาที่อยู่ริมทะเลเพื่อหาร้านปลาดิบทันที ใต้ตึกจะมี Tourist Information แต่ตอนเราไปถึงไม่มีใครนั่งอยู่ ยืนเอ๋ออยู่สักพักเลยแบบหันไปถามลุงที่นั่งๆอยู่เป็นภาษาเกาหลี
 
เรา - ลุงคะ หนูหาร้านปลาดิบอยู่ค่ะ
ลุง - หา?
เรา - หนูหาร้านปลาดิบอยู่ค่ะ
ลุง - พูดอะไรน่ะ
เรา(ถอนหายใจ) Excuse me I'm looking for ร้านปลาดิบ(เป็นภาษาเกาหลีเฉพาะคำนี้)!!!
ลุง - อ๋อออออออออ ขึ้นไปชั้นสองสิเธอ มีเพียบเลย
 
สำเนียงกรูมันแย่นักชะมะหึ๊ พอขึ้นไป เอ่อ ร้านมันเยอะมากๆค่ะ ณ จุดนั้นไม่รู้จะเดินเลือกร้านหรือยังไงดี ป้าๆเจ้าของร้านก็ยังกับซอมบี้กรูเข้ามาหากันใหญ่สุดท้ายด้วยความหิวเลยเดินพุ่งไปที่ร้านแรกทางขวามือ ก้มๆมองๆเมนู ป้าเค้าก็เดินมาแนะนำ เซตปลาดิบมันไม่มีของคนเดียวเลยถามป้าไปว่า เนี่ย มาคนเดียวอ่ะค่ะ มีแบบคนเดียวกินไหม ป้าก็บอกว่ามีสิ 33000 วอน..... เชร๊ดดดดดดดดดด แพงแสรดมากๆ 1000 บาทเลยนะ ยืนคิดอยู่พักนึง มือก็สั่น ขาก็สั่นด้วยความหิว เอาล่ะ.... จะงก หรือจะหิวตายที่นี่ สุดท้ายก็ยอมกินเซ็ตปลาดิบพันบาทครัช T___________T



 หน้าตาเซตปลาดิบเซตละพันบาทคร่ะทั่นผู้ชม ถึงจะแพงแต่ถ้าไม่ได้อีเซตนี้คือคงตายคาพูซานไปแล้ว อากาศร้อนมาก เดินหลง หิวอีก นี่ที่ร้านเปิดแอร์ให้ด้วยนะ ยังนั่งร้อนไม่ไหวจะทน เราไม่กินน้ำอัดลมแต่ต้องสั่งโคล่ามากินเลยเพราะร้อนมากๆ จานปลาดิบกับข้าวเปล่าถ้าจะเอาเพิ่มคือคิดตังค์ นอกนั้นเป็นเครื่องเคียงขอได้เรื่อยๆ เครื่องเคียงที่พูซานจะหน้าตาต่างจากโซลค่อนข้างเยอะเลยค่ะ (ทั้งนี้เดี๋ยวมาติดตามกันนะคะว่าดิชั้นจะแก้มือตลาดปลาด้วยการมากับผองเพื่อนอีกครั้งได้อย่างไร ว่ะฮ่ะๆ)
อันนี้เป็นวิวที่มองจากร้านอาหารค่ะ คือสวยนะ สวยมากๆ จริงๆตึกนี้เหมือนจะมีเกสเฮ้าส์ด้วย (เพื่อนชาวมาเก๊ามาพัก) แต่ไม่รู้ว่ายังไง ดีไหม โอเคไหมไม่ทราบ ฮ่าๆๆ ณ โมเม้นท์นี้คือ สวยนะ แต่ร้อนฟระ ไม่เอาๆๆ ไม่ออกไปถ่ายรูปข้างนอกดีกว่า พอกินอิ่มมีพลังก็เปิดหาสถานที่เที่ยวจากหนังสือนำเที่ยวต่อไป ด้วยความที่เราพักอยู่แฮอุนแด เราเลยตัดสินใจไปแทจงแดก่อน เพราะว่าเดินทางจากตรงนี้ใกล้กว่าจากที่พัก และก็ขึ้นรถจากตรงนี้ไปได้เลยด้วย ดังนั้นพอทานเสร็จแล้ว เราก็เดินไปที่ป้ายรถบัสขึ้นสาย 8 (ในหนังสือบอกว่านั่งสาย 30ด้วยก็ได้) หยอดเหรียญลงไป จำไม่ได้แล้วล่ะว่าเท่าไหร่ แล้วก็นั่งไปเรื่อยๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆได้มั้งคะก็ถึง ทีนี้ สุดสัปดาห์ที่เรามาพูซานเนี่ย เราไม่รู้มาก่อนว่าเค้ามีเทศกาล (คือตอนนั้นอารมณ์กรูอยากไป) อย่างเดียวไม่ได้ศึกษามาก่อน ทำให้คนเยอะมากๆ ในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว แทจงแดก็เหมือนกันค่ะ กว่าจะถึงรถติดใช้ได้ พอถึงแล้วก็ต้องเดินขึ้นเนินไปเพื่อจะซื้อตั๋วขึ้นรถนำเที่ยว (แทจงแดเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มากใหญ่โคตรใหญ่ไม่รู้จะใหญ่ยังไงแล้ว) พอเดินไปถึงพบว่านักท่องเที่ยวเยอะมาก และต้องรอประมาณชั่วโมงนึงถึงจะได้ขึ้นรถ เราก็เลย..... เดินค่ะ

เข้าไปที่ Tourist Information ขอแผนที่มา แล้วก็มองป้ายที่เขียนว่าประภาคาร(เค้ามีป้ายภาษาอังกฤษค่ะ) กะว่าจะเดินไปถ่ายรูปริมทะเลกับประภาคารเท่านั้นแล้วก็กลับ แต่.... มันไม่ง่าย..... มันเป็นภูเขาอ่ะค่ะ คือพูดง่ายๆก็คือปีนเขา นั่นเอง ณ เวลา... บ่ายสอง ทูพีเอ็ม ร้อนสรัสที่อุณหภูมิ 33 องศา ชื้นด้วยเพราะฝนจะตก แต่.... เอาค่ะ กรูมาแล้ว ก็ต้องเดิน ระหว่างทางมีทั้งคู่รักและครอบครัวที่พร้อมใจกันมาจ๊อกกิ้งที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ดูๆแล้วก็แฮปปี้ไปอีกแบบนะคะ คนเค้าเดินผ่านไปเห็นเราเหนื่อยๆก็มาถาม ไม่เป็นอะไรใช่ไหม พอตอบไปสงสัยสำเนียงมันฟังออกว่าเป็นต่างชาติ เค้าก็ถามมาจากไหน ชวนคุยไปเรื่อย บลาๆ ก็ดีค่ะ เราเหนื่อยปีนเขาก็จริง แต่สบายใจดี
 
 
ปีนเขายังไม่ถึงประภาคารเลย ฝนตกค่ะ เราเลยต้องตัดใจเดินลงเขาแล้วตัดสินใจนั่งรถเมล์กลับสถานีพูซาน แล้วต่อรถไฟฟ้ากลับแฮอุนแด เพื่อเข้าที่พักเลย ตอนนั้นแบตโทรศัพท์ก็เหลือ 8% คือชีวิตแอคเวนเจอร์มาก เราพักที่ http://www.popcorn-hostel.com/ สาขาแฮอุนแดค่ะ อย่างที่บอกว่าเนื่องจากวันที่เราไปเป็นช่วงเทศกาลดนตรีพอดี ที่พักเต็มไปหมด ตอนนั้นเกสเฮ้าส์ที่นี่สาขาแฮอุนแดเพิ่งเปิด ทำให้ยังมีห้องพักเหลืออยู่ แต่แพงสรัสค่ะ คืนนึง 90,000 วอน (ห้องเดี่ยวนอนคนเดียว) คือแบบ เฉียดสามพันแบบนี้ ทำไมกรูไม่ไปนอนโรงแรมดีๆวะค๊ะ (พลาดไปแล้ว) แต่ก็ถือว่าห้องพักอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจค่ะ แม้จะเจ็บใจกับราคา โง่เง่าแท้ๆทริปนี้ พอถึงปั๊บ อาบน้ำ ทิ้งตัวลงนอนเลย (ตอนนั้นบ่ายสาม) กะว่าสักสองชั่วโมงแล้วตอนเย็นจะออกไปหาอะไรกินเอา
 
 
สภาพห้องพักและห้องทานข้าวในเกสเฮ้าส์ค่ะ ก็โอเคนะ แต่ตอนเราไปเค้าเพิ่งเปิดสดๆหมาดๆ ทำให้ไวไฟยังไม่มี ถ้าไม่มีสามจีชีวิตจบเลยนะนั่น และเดือนนั้นสามจีสองพันบาท สราดที่สุด... เกาหลีอะไรๆก็แพง ยกเว้นเครื่องสำอางค์ เคี๊ยกๆๆ ตื่นมาอีกทีหกโมงเย็นเลย ตายแระมึนๆงงๆไปไหนดี ร้านอาหาร ก็ไม่ได้ทำการบ้านมาเลยว่าควรไปกินร้านไหนอะไรยังไง เลยเดินออกไปชิวๆที่แฮอุนแดสักนิด เนื่องจากเค้ามีเทศกาลดนตรีในวันนั้น เลยมีลานลีลาศคนเกาหลีและคนต่างชาติมาเต้นกันสนุกสนานเลยล่ะค่ะ
 
 
 

อีน้องเด็กผู้ชายเล่นดนตรีเปิดหมวกรูปล่างสุดนี่ เคยเจอเค้าที่ฮงแดด้วย ตกใจมากเลยมาเจอเค้าที่พูซานอีกที แต่เสียงดีมากนะคะ แล้วเค้าชอบร้องเพลงชิวๆเพราะๆ ตอนนั้นจะมีเพลง Officially Missing You เวอร์ชั่นเกาหลีที่โซยูซิสต้ามาร้องด้วยกำลังดังมากๆ เราก็ไปยืนเค้าร้องเพลงนี้แหละ โชคไม่ดีเลยที่คืนนั้นฝนตกค่ะ เราไม่รู้จะยังไงดีเลยเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆที่พัก ทานอูด้งแบบกินไม่ค่อยลงเพราะเหนื่อย แล้วก็กลับที่พักสลบคร่อก
 
จบการลุยพูซานวันแรก(ของรอบแรก)ของเราค่ะ เจอกันวันที่สองบล๊อคหน้า อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า ><

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น